พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
เข้าสู่ระบบ
หน้าแรก
เก้าสิบเก้าวัด
ร้านพระเครื่อง
กระดานสนทนา
สมัครสมาชิก
ติดต่อทีมงาน
ค้นหาข้อมูล
เข้าสู่ระบบ
เหรียญรุ่นสร้าง...
เหรียญรุ่นสร้างอนามัยพร้าว หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ ปี พ.ศ.2517
เหรียญรุ่นสร้างอนามัยพร้าว หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เนื้อทองแดง ด้านหน้าตอกโค้ตเป็นรูปตราสัญลักษณ์สาธารณสุขไว้ที่สังฆาฏิ จัดสร้างใน ปี พ.ศ.2517
เพื่อหาทุนจัดสร้างอาคารสถานีอนามัยอำเภอพร้าวหลังใหม่ แทนอาคารหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรม
เหรียญรุ่นี้มีพิธีปลุกเสกใหญ่ หลวงปู่แหวนปลุกเสกให้โดยตรง ปลุกเสกนานกว่าเหรียญรุ่นก่อนๆ โดยปกติเหรียญทั่วๆไปท่านมักจะใช้มือแตะที่ลังบรรจุเหรียญและแผ่เมตตาครู่เดียวก็เสร็จ
ประวัติการสร้าง เหรียญหลวงปู่แหวนรุ่นอนามัยพร้าว ปี ๒๕๑๗
ผู้หนึ่งที่อยู่ในคณะทำงานในการจัดสร้างเหรียญหลวงปู่แหวนออกจำหน่ายหาเงินสร้างสถานีอนามัย คือ นายอดิศร มณีวงศ์ ชาวพร้าวทั่วไปเรียก โกศร เล่าความเป็นมาของเหรียญหลวงปู่แหวนรุ่นนี้ว่า
“เราร่วมกันคิดเพื่อหาเงินมาสร้างสถานีอนามัยพร้าวใหม่ สมัยนั้นหมออภิเชษฐ์ (นาคเลขา) มาเป็นแพทย์หัวหน้าอนามัย ตัวอาคารอนามัยเก่าทรุดโทรม จึงคิดกันว่าจะสร้างใหม่ ก็มาร่วมประชุมกัน มีผม , โกกวาง , จรัล นิ่มไพโรจน์ , นายฮิม(พิชาติ กุลประดิษฐ์) และคนอื่นอีก สรุปว่าจะสร้างเหรียญหลวงปู่แหวน ตกลงทำเหรียญ ๗๕,๐๐๐ เหรียญ ขายให้เช่าเหรียญละ ๒๕ บาท คนออกแบบเหรียญ คือ บุญเต็ม สุนทรพันธุ์ เราเอาเหรียญหลวงพ่ออื่นๆ มาดูกันเป็นต้นแบบ ตกลงทำเป็นรูปใข่ ครึ่งตัว ส่วนผมเป็นคนเล่นพระ ก็รู้ว่าแหล่งทำพระ ไปจ้างช่างยิ้ม อยู่ฝั่งธนบุรีสร้าง ค่าสร้างเหรียญละ ๑ บาท ๖๐ สตางค์ การทำเหรียญเริ่มจากการแกะบล็อกด้วยเหล็กอ่อน ได้แบบเป็นที่พอใจแล้วก็ถ่ายเป็นบล็อก คือ ทำแม่พิมพ์เป็นเหล็ก มีตัวบนตัวล่าง การทำเหรียญจะมีหลายบล็อก เป็นโรงงานผลิตเหรียญพระโดยเฉพาะ มีเครื่องมือวางแผ่นทองแดงเข้าแม่พิมพ์ แม่พิมพ์จะปั๊มเป็นเหรียญกระเด็นออกมาเลย ได้แล้วนำมาเจาะห่วงทีหลัง
“เมื่อได้เหรียญแล้ว วางตลาดทั่วไป อย่างกรุงเทพฯ มีโกหย่วน เซียนพระที่กรุงเทพฯ รับเป็นตัวแทนจำหน่ายที่วัดราชนัดดา ส่วนเชียงใหม่มีนายเสมอ บรรจง เป็นตัวแทนอยุ่ตลาดพระเชียงใหม่ ขายดีมาก ขณะนั้นหลวงปู่กำลังดัง เหรียญที่ทำมาก่อนแล้วก็ขายดีไม่พอขาย พอเราทำรุ่นนี้ก็ขายดี
“พิธีปลุกเสกรุ่นอนามัย เป็นพิธีใหญ่ หลวงปู่ปลุกเสกให้เราโดยตรง เหรียญรุ่นก่อนๆ ท่านมักจะใช้มือแตะที่ลังบรรจุเหรียญและแผ่เมตตา ครู่เดียวก็เสร็จ แต่รุ่นของเราทำพิเศษเลย ใช้เวลา ๒๓ นาที พิธีครบถ้วนมีต้นกล้วย อ้อย โยงสายสินไปยังกล่องเหรียญ พระในพิธีมี ๑๐ กว่าองค์ จำได้ว่าประธานในพิธี คือ อนามัยจังหวัด ชาวบ้านมาร่วมเยอะ เสร็จแล้วชาวบ้านแย่งสายสินกัน หลวงปู่แหวนทำท่าตกใจเพราะไม่คิดว่าชาวบ้านจะแย่งดึงสายสินกัน
“ก่อนสร้างเหรียญนี้ ทางอาจารย์หนูจะขอแบ่ง ๒๐,๐๐๐ เหรียญ และจะแยกตอกโค้ดของวัด ซึ่งจะแตกต่างจากของเรา ซึ่งในทางนักเลงเล่นพระแล้วถือกันมาก หากทางวัดตอกโค้ดเอง ของเราก็จะกลายเป็นของปลอมทันที นักเลงพระจะไม่เล่นกัน จะทำให้ขายไม่ออก ผลเสียหายมากเพราะเงินทุนประมาณ ๙ หมื่นบาทที่หยิบยืมจากคนในตลาดพร้าวก็จะไม่มีคืนให้ เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราไม่ตกลงแบ่งเหรียญให้ทางวัด
“เราทำกันอย่างเสียสละ ไม่มีใครได้ผลประโยชน์เลย เงินที่ได้มามาช่วยส่วนรวม อย่างหนึ่งคือ สร้างประปาให้พร้าว ตอนนั้นทางรัฐบาลจะนำประปาเข้าพร้าว ขอให้ทางท้องถิ่นออกเงินสนับสนุน แต่ทางสุขาภิบาลไม่มีเงินก็ตอบปฏิเสธ ต่อมามีการปรึกษากันและแบ่งเงินจากขายพระไป ๒ แสน ๕ หมื่นบาท สร้างประปา ทางหลวงออก ๑ ล้านบาทเศษ เงินส่วนที่เหลือก็นำมาสร้างโรงพยาบาลพร้าวและซื้ออุปกรณ์การแพทย์หลายอย่าง
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เกิดในตระกูลของช่างตีเหล็ก เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2430 ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น 3 ค่ำ เดือนยี่ ปีกุน ณ บ้านนาโป่ง ตำบลหนองใน(ปัจจุบันเป็นตำบลนาโป่ง) อำเภอเมือง จังหวัดเลย โดยเป็นบุตรของนายใสกับนางแก้ว รามสิริ โดยมีน้องสาวร่วมบิดา- มารดาอีกหนึ่งคนคือ นางเบ็ง ราชอักษร และบิดามารดาของท่านได้ ตั้งชื่อว่า ญาณ ซึ่งแปลว่า ปรีชา กำหนดรู้
พอท่านมีอายุ ได้ประมาณ 5 ขวบเศษ โยมมารดาของท่านก็ล้มป่วย แม้จะได้รับการดูแลเยียวยารักษาเป็นอย่างดีจากสามี แต่อาการของท่านก็มีแต่ทรงกับทรุด ในที่สุดเมื่อท่านรู้ตัวว่า คงจะไม่รอดชีวิตไปได้แน่แล้วท่านจึงได้เรียกหลวงปู่แหวน เข้าไปใกล้ แล้วกล่าวความฝากฝังเอาไว้ว่า ลูกเอํย…แม่ยินดีต่อลูก สมบัติใด ๆ ในโลกนี้ล้วน กี่โกฎก็ตามแม่ไม่ยินดี แม่จะยินดีมากถ้าลูกจะบวชให้แม่ เมื่อลูกบวชแล้วก็ให้ตายกับผ้าเหลือง ไม่ต้องสึกออกมา มีลูกมีเมียนะ… หลวงปู่แหวนพยักหน้า รับคำเท่านั้น ดวงวิญญาณของท่านก็ออกจากร่างไป มาอีกไม่นาน ดึกสงัดของค่ำคืนวันหนึ่งขณะที่คุณยายของหลวงปู่แหวนกำลังนอนหลับสนิทก็เกิดฝันประหลาด อันเป็นมงคลนิมิตหมายที่ดีงาม ท่านจึงได้นำเอาความฝันมาเล่าสู่ลูกหลานและหลวงปู่แหวนฟัง ในวันรุ่งขึ้นว่า เมื่อคืนนี้ ยายนอนหลับและได้ฝันประหลาดมาก ฝันว่าเจ้าไปนอนอยู่ในดงขมิ้น จนกระทั่งเนื้อตัวของเจ้าเหลือง อร่ามไปหมด ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก ยายเห็นว่า เจ้านี้จะมีอุปนิสัยวาสนาในทางบวช ฉะนั้นยายขอให้เจ้าบวชตลอดชีวิต และขอให้ตายกับผ้าเหลือง ไม่ต้องสึกออกมามีลูกมีเมียเจ้าจะทำได้ไหม
บรรพชา
จากนั้น วันเวลาผ่านมาจนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2439 ท่านมีอายุได้ 9 ขวบ คุณยายของท่านที่ได้เลี้ยงดูแลเอาใจใส่มาอย่างทะนุถนอม ได้เรียกท่านพร้อมกับ หลานชายอีกคนหนึ่ง ที่เป็นญาติสนิทรุ่นราวคราวเดียวกัน เข้าไปหาแล้วพูดว่า ยายจะให้เจ้าทั้งสองบวชเป็น สามเณร เมื่อบวชแล้วไมต้องสึก เจ้าจะบวชได้ไหม ท่านหันมามองหลวงปู่แหวนอย่างตั้งใจฟังคำตอบ หลวงปู่แหวนก็พยักหน้ารับ พอใกล้เข้าพรรษา คุณยายของท่านจึงได้ตระเตรียมเครี่องบริขาร จนครบเรียบร้อยแล้ว จึงได้พาเด็กชายทั้งสองเข้าถวายตัวต่อพระอุปัชฌาย์ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้า เข้าพรรษาเป็นสามเณร ณ วัดโพธิ์ชัย พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็นเด็กชาย ญาณ เป็นสามเณร แหวนนับแต่นั้นมา
ตลอดพรรษาที่ได้บรรพชา เป็นสามเณรนั้น หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ได้แต่ทำวัตร สวดมนต์ต์บ้างตามโอกาส เท่าที่พระภิกษุและ สามเณร ภายในวัดจะร่วมกันทำสังฆกรรม นอกจากนั้นก็จะใช้เวลา ไปในทางเล่นซุกซนตามประสาเด็ก ในที่สุดพระอาจารย์อ้วน ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของท่าน มองเห็นว่าหากปล่อยให้เป็นไปเช่นนี้ จะทำให้สามเณรน้อยไม่มีความรู้ จึงพาไปฝากฝังถวาย เป็นศิษย์ของท่านพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม (ที่จริงน่าจะเป็นพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโลมากกว่า เพราะหลวงปู่แหวนเกิด 16 มกราคม 2430 ส่วนพระอาจารย์สิงห์เกิด 27 มกราคม 2432 พระอาจารย์สิงห์อ่อนกว่าหลวงปู่แหวน 2 ปี ) ณ วัดบ้านสร้างถ่อ อำเภอกษมสีมา จังหวัดอุบลราชธานี เป็นที่น่าอัศจรรย์ ขณะที่พระอาจารย์อ้วนกำลังพาสามเณรน้อย เดินฝ่าเปลวแดดสีทองมุ่งหน้าเข้าสู่บริเวณวัดในยามบ่ายนั้น พระอาจารย์สิงห์ขนัง ศิษย์สำคัญสูงสุดของพระอาจารย์ใหญ่ ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานคือ พระมั่น ภูริทัตโต กำลังมองที่ร่างสามเณรน้อย พลันก็บังเกิดฤทธิ์อำนาจ แห่งอภิญญาณทำให้ท่านเห็นรัศมีเป็นแสงสว่างโอภาส เปล่งประกายออกมาจากร่างของสามเณรน้อยผู้นี้ เป็นผู้ที่มีบุญญาธิการมาเกิด ดั้งนั้นพระอาจารย์สิงห์ จึงได้ถ่ายทอดความรู้ตลอดจนข้อวัตรปฏิบัติทั้งหมดให้
การออกจาริกแสวงบุญ
ปี พ.ศ. 2464 ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อศึกษาธรรมกับพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท)
ปี พ.ศ. 2478 ได้เข้าพบ ท่านเจ้า คุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ที่วัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่ ในครั้งนี้ได้เปลี่ยนจากมหานิกายเป็น ธรรมยุติ และได้รับฉายาว่า สุจิณโณ จากนั้นได้ออกจาริกแสวงบุญต่อ ขณะที่ศึกษาธรรมกับพระอาจารย์มั่นฯ ที่ดงมะไฟ บ้านค้อ จังหวัดอุบลราชธานี มีศิษย์พระอาจารย์มั่นฯ ที่มีอัธยาศัย ที่ตรงกัน 2 ท่านคือ พระขาว อนาลโย และ พระตื้อ อจลธัมโม เช่นเดียวกับคราวที่ จากท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ก็ได้ พระขาว จาริกแสวงธรรมเป็นเพื่อนจนถึงเมืองหลวงพระบาง
ปีพ.ศ. 2489 หลวงปู่แหวนจำพรรษาที่วัดป่าบ้านปง อ.แม่แตง ในพรรษานั้นท่านอาพาธเป็นแผลที่ขาอักเสบต้องผ่าตัด โดยมีพระหนู สุจิตโต ซึ่งเดินทางมาจากดอยแม่ปั๋งพยายามอยู่ใกล้ๆ เมื่อครบ 7 วัน ต้องกลับไปดอยแม่ปั๋ง เพราะอยู่ระหว่างพรรษา จนกระทั่งเดือนเมษายนในปีต่อมา อาการอาพาธจึงดีขึ้นแต่ก็ยังไม่หายสนิทยังเดินไปไหนไกลๆ ไม่ได้ นับแต่นั้นมาพระหนูได้พยายามอยู่ใกล้ๆ เพื่อดูแลหลวงปู่แหวน ต่อมาพระหนูได้ดำริว่า ปัจจุบันหลวงปู่แหวนมีอายุมากแล้ว ไม่มีพระภิกษุสามเณรอยู่ด้วย เพื่อเป็นอุปัฏฐาก ถ้านิมนต์มาอยู่ที่ดอยแม่ปั๋งก็จะได้ถวายการดูแลได้โดยง่ายไม่ต้องไปๆ มาๆ อยู่อย่างนี้ แต่ก็ต้องเป็นเพียงความคิดของพระหนูเท่านั้น เพราะในเวลาดังกล่าว ดอยแม่ปั๋งยังไม่มีอะไรพร้อมแม้แต่กุฏิก็ยังไม่มีปีพ.ศ. 2505 ขณะที่หลวงปู่แหวนมีอายุ 75 ปี คืนวันหนึ่งพระหนูนั่งภาวนาอยู่เกิดเป็นเสียงหลวงปู่แหวนดังขึ้นมาที่หูว่า จะมาอยู่ด้วยคนนะ หลังจากวันที่ได้ยินเสียงหลวงปู่แหวนอีกสามวัน พระอาจารย์หนูได้ถูกนิมนต์ไปที่วัดบ้านปงสถานที่ที่หลวงปู่แหวนอยู่ และถือโอกาสนิมนต์หลวงปู่แหวนมาที่วัดดอยแม่ปั๋งด้วยเมื่อหลวงปู่แหวนได้มาอยู่ที่วัดดอยแม่ปั๋งแล้ว ครั้งแรกท่านพักอยู่ที่กุฏิหลังเล็กๆ หลังหนึ่ง การมาอยู่ที่วัดดอยแม่ปั๋งนี้ ท่านได้มีข้อตกลงกับพระอาจารย์หนูว่า หน้าที่ต่างๆ และกิจทุกอย่างที่มีขึ้นในวัด ให้ตกเป็นภาระของพระอาจารย์หนูแต่เพียงผู้เดียว ส่วนท่านจะอยู่ในฐานะพระผู้เฒ่าผู้ปฏิบัติธรรมจะไม่มีภาระใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนั้นหลวงปู่แหวนจะไม่รับนิมนต์โดยเด็ดขาด แม้ที่สุดถึงจะเกิดอาพาธหนักเพียงใดก็ตาม ท่านไม่ยอมนอนรักษาที่โรงพยาบาล ถึงธาตุขันธ์จะทรงอยู่ต่อไปไม่ได้ก็จะให้สิ้นไปในป่าอันเป็นที่อยู่ ตามอริยโคตรอริยวงศ์ ซึ่งบูรพาจารย์ท่านเคยปฏิบัติมาแล้วในกาลก่อนนับตั้งแต่หลวงปู่แหวนได้ขึ้นไปทางเหนือ ท่านไม่เคยไปจำพรรษาที่ภาคอื่นเลย เพราะอากาศทางภาคเหนือสัปปายะสำหรับท่าน หลวงปู่แหวนได้มรณภาพลงที่วัดดอยแม่ปั๋งแห่งนี้ เมื่อวันที่ 2 ก.ค.2528 สิริอายุ 98 ปี
พลศรีทอง พระเครื่อง โดย บู เชียงราย
. https://ponsrithong.com/
web (main) พระเครื่อง : บู เชียงราย ร้านพลศรีทอง พระเครื่อง
Web ( มุมพระ) : มุมพระ
https://www.mumpra.com/shop.php?shopid=507
web (99wat) : 99วัด
http://www.ponsrithong.99wat.com/
Facebook เพจพลศรีทอง พระเครื่อง บู เชียงราย
: https://www.facebook.com/ponsrithong/
IG :https://www.instagram.com/bu_chiangrai.amulet/
ผู้เข้าชม
1343 ครั้ง
ราคา
3000
สถานะ
มาใหม่
โดย
ponsrithong
ชื่อร้าน
พลศรีทองพระเครื่อง( บู เชียงราย )
ร้านค้า
ponsrithong.99wat.com
โทรศัพท์
0877124640
ไอดีไลน์
busoftware52
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
282-2-248xx-x
พระคำข้าว รุ่น 2 พิมพ์นิยม แขน
พระหางหมาก พระเนตรจุด หลวงพ่อฤ
พระกริ่งเนื้อนวโลหะแก่เงิน แซ
พระหางหมาก หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ลั
พระสมเด็จคำข้าว รุ่น 2 หลวงพ่อ
พระกริ่ง พระนเรศวรเผด็จศึก ปี
ล็อกเก็ตอมตะ หลังหุ้มแผ่นเงิน
เหรียญครบรอบ ๑๐๐ปีเกิดหลวงพ่อป
รูปถ่ายหลวงพ่อเกษม เก่าทันหลวง
เก้าสิบเก้าวัด
ร้านพระเครื่อง
กระดานสนทนา
ลงพระฟรี
สมัครสมาชิก
ติดต่อทีมงาน
ลืมรหัสผ่าน
ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
ว.ศิลป์สยาม
tumlawyer
jazzsiam amulet
แมวดำ99
มนต์เมืองจันท์
พีพีพระสมเด็จ
termboon
Erawan
ep8600
บ้านพระสมเด็จ
kaew กจ.
vanglanna
ponsrithong2
ponsrithong
ยุ้ย พลานุภาพ
เทพจิระ
ศักดา พระเครื่อง
somphop
TUI789
mosnarok
TotoTato
เจริญสุข
natthanet
Leksoi8
อ้วนโนนสูง
ภูมิ IR
หมี คุณพระช่วย
Nithiporn
Putput
tangmo
ผู้เข้าชมขณะนี้ 1258 คน
เพิ่มข้อมูล
เหรียญรุ่นสร้างอนามัยพร้าว หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ ปี พ.ศ.2517
ส่งข้อความ
ชื่อพระเครื่อง
เหรียญรุ่นสร้างอนามัยพร้าว หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ ปี พ.ศ.2517
รายละเอียด
เหรียญรุ่นสร้างอนามัยพร้าว หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
เนื้อทองแดง ด้านหน้าตอกโค้ตเป็นรูปตราสัญลักษณ์สาธารณสุขไว้ที่สังฆาฏิ จัดสร้างใน ปี พ.ศ.2517
เพื่อหาทุนจัดสร้างอาคารสถานีอนามัยอำเภอพร้าวหลังใหม่ แทนอาคารหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรม
เหรียญรุ่นี้มีพิธีปลุกเสกใหญ่ หลวงปู่แหวนปลุกเสกให้โดยตรง ปลุกเสกนานกว่าเหรียญรุ่นก่อนๆ โดยปกติเหรียญทั่วๆไปท่านมักจะใช้มือแตะที่ลังบรรจุเหรียญและแผ่เมตตาครู่เดียวก็เสร็จ
ประวัติการสร้าง เหรียญหลวงปู่แหวนรุ่นอนามัยพร้าว ปี ๒๕๑๗
ผู้หนึ่งที่อยู่ในคณะทำงานในการจัดสร้างเหรียญหลวงปู่แหวนออกจำหน่ายหาเงินสร้างสถานีอนามัย คือ นายอดิศร มณีวงศ์ ชาวพร้าวทั่วไปเรียก โกศร เล่าความเป็นมาของเหรียญหลวงปู่แหวนรุ่นนี้ว่า
“เราร่วมกันคิดเพื่อหาเงินมาสร้างสถานีอนามัยพร้าวใหม่ สมัยนั้นหมออภิเชษฐ์ (นาคเลขา) มาเป็นแพทย์หัวหน้าอนามัย ตัวอาคารอนามัยเก่าทรุดโทรม จึงคิดกันว่าจะสร้างใหม่ ก็มาร่วมประชุมกัน มีผม , โกกวาง , จรัล นิ่มไพโรจน์ , นายฮิม(พิชาติ กุลประดิษฐ์) และคนอื่นอีก สรุปว่าจะสร้างเหรียญหลวงปู่แหวน ตกลงทำเหรียญ ๗๕,๐๐๐ เหรียญ ขายให้เช่าเหรียญละ ๒๕ บาท คนออกแบบเหรียญ คือ บุญเต็ม สุนทรพันธุ์ เราเอาเหรียญหลวงพ่ออื่นๆ มาดูกันเป็นต้นแบบ ตกลงทำเป็นรูปใข่ ครึ่งตัว ส่วนผมเป็นคนเล่นพระ ก็รู้ว่าแหล่งทำพระ ไปจ้างช่างยิ้ม อยู่ฝั่งธนบุรีสร้าง ค่าสร้างเหรียญละ ๑ บาท ๖๐ สตางค์ การทำเหรียญเริ่มจากการแกะบล็อกด้วยเหล็กอ่อน ได้แบบเป็นที่พอใจแล้วก็ถ่ายเป็นบล็อก คือ ทำแม่พิมพ์เป็นเหล็ก มีตัวบนตัวล่าง การทำเหรียญจะมีหลายบล็อก เป็นโรงงานผลิตเหรียญพระโดยเฉพาะ มีเครื่องมือวางแผ่นทองแดงเข้าแม่พิมพ์ แม่พิมพ์จะปั๊มเป็นเหรียญกระเด็นออกมาเลย ได้แล้วนำมาเจาะห่วงทีหลัง
“เมื่อได้เหรียญแล้ว วางตลาดทั่วไป อย่างกรุงเทพฯ มีโกหย่วน เซียนพระที่กรุงเทพฯ รับเป็นตัวแทนจำหน่ายที่วัดราชนัดดา ส่วนเชียงใหม่มีนายเสมอ บรรจง เป็นตัวแทนอยุ่ตลาดพระเชียงใหม่ ขายดีมาก ขณะนั้นหลวงปู่กำลังดัง เหรียญที่ทำมาก่อนแล้วก็ขายดีไม่พอขาย พอเราทำรุ่นนี้ก็ขายดี
“พิธีปลุกเสกรุ่นอนามัย เป็นพิธีใหญ่ หลวงปู่ปลุกเสกให้เราโดยตรง เหรียญรุ่นก่อนๆ ท่านมักจะใช้มือแตะที่ลังบรรจุเหรียญและแผ่เมตตา ครู่เดียวก็เสร็จ แต่รุ่นของเราทำพิเศษเลย ใช้เวลา ๒๓ นาที พิธีครบถ้วนมีต้นกล้วย อ้อย โยงสายสินไปยังกล่องเหรียญ พระในพิธีมี ๑๐ กว่าองค์ จำได้ว่าประธานในพิธี คือ อนามัยจังหวัด ชาวบ้านมาร่วมเยอะ เสร็จแล้วชาวบ้านแย่งสายสินกัน หลวงปู่แหวนทำท่าตกใจเพราะไม่คิดว่าชาวบ้านจะแย่งดึงสายสินกัน
“ก่อนสร้างเหรียญนี้ ทางอาจารย์หนูจะขอแบ่ง ๒๐,๐๐๐ เหรียญ และจะแยกตอกโค้ดของวัด ซึ่งจะแตกต่างจากของเรา ซึ่งในทางนักเลงเล่นพระแล้วถือกันมาก หากทางวัดตอกโค้ดเอง ของเราก็จะกลายเป็นของปลอมทันที นักเลงพระจะไม่เล่นกัน จะทำให้ขายไม่ออก ผลเสียหายมากเพราะเงินทุนประมาณ ๙ หมื่นบาทที่หยิบยืมจากคนในตลาดพร้าวก็จะไม่มีคืนให้ เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราไม่ตกลงแบ่งเหรียญให้ทางวัด
“เราทำกันอย่างเสียสละ ไม่มีใครได้ผลประโยชน์เลย เงินที่ได้มามาช่วยส่วนรวม อย่างหนึ่งคือ สร้างประปาให้พร้าว ตอนนั้นทางรัฐบาลจะนำประปาเข้าพร้าว ขอให้ทางท้องถิ่นออกเงินสนับสนุน แต่ทางสุขาภิบาลไม่มีเงินก็ตอบปฏิเสธ ต่อมามีการปรึกษากันและแบ่งเงินจากขายพระไป ๒ แสน ๕ หมื่นบาท สร้างประปา ทางหลวงออก ๑ ล้านบาทเศษ เงินส่วนที่เหลือก็นำมาสร้างโรงพยาบาลพร้าวและซื้ออุปกรณ์การแพทย์หลายอย่าง
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
เกิดในตระกูลของช่างตีเหล็ก เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2430 ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น 3 ค่ำ เดือนยี่ ปีกุน ณ บ้านนาโป่ง ตำบลหนองใน(ปัจจุบันเป็นตำบลนาโป่ง) อำเภอเมือง จังหวัดเลย โดยเป็นบุตรของนายใสกับนางแก้ว รามสิริ โดยมีน้องสาวร่วมบิดา- มารดาอีกหนึ่งคนคือ นางเบ็ง ราชอักษร และบิดามารดาของท่านได้ ตั้งชื่อว่า ญาณ ซึ่งแปลว่า ปรีชา กำหนดรู้
พอท่านมีอายุ ได้ประมาณ 5 ขวบเศษ โยมมารดาของท่านก็ล้มป่วย แม้จะได้รับการดูแลเยียวยารักษาเป็นอย่างดีจากสามี แต่อาการของท่านก็มีแต่ทรงกับทรุด ในที่สุดเมื่อท่านรู้ตัวว่า คงจะไม่รอดชีวิตไปได้แน่แล้วท่านจึงได้เรียกหลวงปู่แหวน เข้าไปใกล้ แล้วกล่าวความฝากฝังเอาไว้ว่า ลูกเอํย…แม่ยินดีต่อลูก สมบัติใด ๆ ในโลกนี้ล้วน กี่โกฎก็ตามแม่ไม่ยินดี แม่จะยินดีมากถ้าลูกจะบวชให้แม่ เมื่อลูกบวชแล้วก็ให้ตายกับผ้าเหลือง ไม่ต้องสึกออกมา มีลูกมีเมียนะ… หลวงปู่แหวนพยักหน้า รับคำเท่านั้น ดวงวิญญาณของท่านก็ออกจากร่างไป มาอีกไม่นาน ดึกสงัดของค่ำคืนวันหนึ่งขณะที่คุณยายของหลวงปู่แหวนกำลังนอนหลับสนิทก็เกิดฝันประหลาด อันเป็นมงคลนิมิตหมายที่ดีงาม ท่านจึงได้นำเอาความฝันมาเล่าสู่ลูกหลานและหลวงปู่แหวนฟัง ในวันรุ่งขึ้นว่า เมื่อคืนนี้ ยายนอนหลับและได้ฝันประหลาดมาก ฝันว่าเจ้าไปนอนอยู่ในดงขมิ้น จนกระทั่งเนื้อตัวของเจ้าเหลือง อร่ามไปหมด ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก ยายเห็นว่า เจ้านี้จะมีอุปนิสัยวาสนาในทางบวช ฉะนั้นยายขอให้เจ้าบวชตลอดชีวิต และขอให้ตายกับผ้าเหลือง ไม่ต้องสึกออกมามีลูกมีเมียเจ้าจะทำได้ไหม
บรรพชา
จากนั้น วันเวลาผ่านมาจนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2439 ท่านมีอายุได้ 9 ขวบ คุณยายของท่านที่ได้เลี้ยงดูแลเอาใจใส่มาอย่างทะนุถนอม ได้เรียกท่านพร้อมกับ หลานชายอีกคนหนึ่ง ที่เป็นญาติสนิทรุ่นราวคราวเดียวกัน เข้าไปหาแล้วพูดว่า ยายจะให้เจ้าทั้งสองบวชเป็น สามเณร เมื่อบวชแล้วไมต้องสึก เจ้าจะบวชได้ไหม ท่านหันมามองหลวงปู่แหวนอย่างตั้งใจฟังคำตอบ หลวงปู่แหวนก็พยักหน้ารับ พอใกล้เข้าพรรษา คุณยายของท่านจึงได้ตระเตรียมเครี่องบริขาร จนครบเรียบร้อยแล้ว จึงได้พาเด็กชายทั้งสองเข้าถวายตัวต่อพระอุปัชฌาย์ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้า เข้าพรรษาเป็นสามเณร ณ วัดโพธิ์ชัย พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็นเด็กชาย ญาณ เป็นสามเณร แหวนนับแต่นั้นมา
ตลอดพรรษาที่ได้บรรพชา เป็นสามเณรนั้น หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ได้แต่ทำวัตร สวดมนต์ต์บ้างตามโอกาส เท่าที่พระภิกษุและ สามเณร ภายในวัดจะร่วมกันทำสังฆกรรม นอกจากนั้นก็จะใช้เวลา ไปในทางเล่นซุกซนตามประสาเด็ก ในที่สุดพระอาจารย์อ้วน ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของท่าน มองเห็นว่าหากปล่อยให้เป็นไปเช่นนี้ จะทำให้สามเณรน้อยไม่มีความรู้ จึงพาไปฝากฝังถวาย เป็นศิษย์ของท่านพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม (ที่จริงน่าจะเป็นพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโลมากกว่า เพราะหลวงปู่แหวนเกิด 16 มกราคม 2430 ส่วนพระอาจารย์สิงห์เกิด 27 มกราคม 2432 พระอาจารย์สิงห์อ่อนกว่าหลวงปู่แหวน 2 ปี ) ณ วัดบ้านสร้างถ่อ อำเภอกษมสีมา จังหวัดอุบลราชธานี เป็นที่น่าอัศจรรย์ ขณะที่พระอาจารย์อ้วนกำลังพาสามเณรน้อย เดินฝ่าเปลวแดดสีทองมุ่งหน้าเข้าสู่บริเวณวัดในยามบ่ายนั้น พระอาจารย์สิงห์ขนัง ศิษย์สำคัญสูงสุดของพระอาจารย์ใหญ่ ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานคือ พระมั่น ภูริทัตโต กำลังมองที่ร่างสามเณรน้อย พลันก็บังเกิดฤทธิ์อำนาจ แห่งอภิญญาณทำให้ท่านเห็นรัศมีเป็นแสงสว่างโอภาส เปล่งประกายออกมาจากร่างของสามเณรน้อยผู้นี้ เป็นผู้ที่มีบุญญาธิการมาเกิด ดั้งนั้นพระอาจารย์สิงห์ จึงได้ถ่ายทอดความรู้ตลอดจนข้อวัตรปฏิบัติทั้งหมดให้
การออกจาริกแสวงบุญ
ปี พ.ศ. 2464 ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อศึกษาธรรมกับพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท)
ปี พ.ศ. 2478 ได้เข้าพบ ท่านเจ้า คุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ที่วัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่ ในครั้งนี้ได้เปลี่ยนจากมหานิกายเป็น ธรรมยุติ และได้รับฉายาว่า สุจิณโณ จากนั้นได้ออกจาริกแสวงบุญต่อ ขณะที่ศึกษาธรรมกับพระอาจารย์มั่นฯ ที่ดงมะไฟ บ้านค้อ จังหวัดอุบลราชธานี มีศิษย์พระอาจารย์มั่นฯ ที่มีอัธยาศัย ที่ตรงกัน 2 ท่านคือ พระขาว อนาลโย และ พระตื้อ อจลธัมโม เช่นเดียวกับคราวที่ จากท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ก็ได้ พระขาว จาริกแสวงธรรมเป็นเพื่อนจนถึงเมืองหลวงพระบาง
ปีพ.ศ. 2489 หลวงปู่แหวนจำพรรษาที่วัดป่าบ้านปง อ.แม่แตง ในพรรษานั้นท่านอาพาธเป็นแผลที่ขาอักเสบต้องผ่าตัด โดยมีพระหนู สุจิตโต ซึ่งเดินทางมาจากดอยแม่ปั๋งพยายามอยู่ใกล้ๆ เมื่อครบ 7 วัน ต้องกลับไปดอยแม่ปั๋ง เพราะอยู่ระหว่างพรรษา จนกระทั่งเดือนเมษายนในปีต่อมา อาการอาพาธจึงดีขึ้นแต่ก็ยังไม่หายสนิทยังเดินไปไหนไกลๆ ไม่ได้ นับแต่นั้นมาพระหนูได้พยายามอยู่ใกล้ๆ เพื่อดูแลหลวงปู่แหวน ต่อมาพระหนูได้ดำริว่า ปัจจุบันหลวงปู่แหวนมีอายุมากแล้ว ไม่มีพระภิกษุสามเณรอยู่ด้วย เพื่อเป็นอุปัฏฐาก ถ้านิมนต์มาอยู่ที่ดอยแม่ปั๋งก็จะได้ถวายการดูแลได้โดยง่ายไม่ต้องไปๆ มาๆ อยู่อย่างนี้ แต่ก็ต้องเป็นเพียงความคิดของพระหนูเท่านั้น เพราะในเวลาดังกล่าว ดอยแม่ปั๋งยังไม่มีอะไรพร้อมแม้แต่กุฏิก็ยังไม่มีปีพ.ศ. 2505 ขณะที่หลวงปู่แหวนมีอายุ 75 ปี คืนวันหนึ่งพระหนูนั่งภาวนาอยู่เกิดเป็นเสียงหลวงปู่แหวนดังขึ้นมาที่หูว่า จะมาอยู่ด้วยคนนะ หลังจากวันที่ได้ยินเสียงหลวงปู่แหวนอีกสามวัน พระอาจารย์หนูได้ถูกนิมนต์ไปที่วัดบ้านปงสถานที่ที่หลวงปู่แหวนอยู่ และถือโอกาสนิมนต์หลวงปู่แหวนมาที่วัดดอยแม่ปั๋งด้วยเมื่อหลวงปู่แหวนได้มาอยู่ที่วัดดอยแม่ปั๋งแล้ว ครั้งแรกท่านพักอยู่ที่กุฏิหลังเล็กๆ หลังหนึ่ง การมาอยู่ที่วัดดอยแม่ปั๋งนี้ ท่านได้มีข้อตกลงกับพระอาจารย์หนูว่า หน้าที่ต่างๆ และกิจทุกอย่างที่มีขึ้นในวัด ให้ตกเป็นภาระของพระอาจารย์หนูแต่เพียงผู้เดียว ส่วนท่านจะอยู่ในฐานะพระผู้เฒ่าผู้ปฏิบัติธรรมจะไม่มีภาระใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนั้นหลวงปู่แหวนจะไม่รับนิมนต์โดยเด็ดขาด แม้ที่สุดถึงจะเกิดอาพาธหนักเพียงใดก็ตาม ท่านไม่ยอมนอนรักษาที่โรงพยาบาล ถึงธาตุขันธ์จะทรงอยู่ต่อไปไม่ได้ก็จะให้สิ้นไปในป่าอันเป็นที่อยู่ ตามอริยโคตรอริยวงศ์ ซึ่งบูรพาจารย์ท่านเคยปฏิบัติมาแล้วในกาลก่อนนับตั้งแต่หลวงปู่แหวนได้ขึ้นไปทางเหนือ ท่านไม่เคยไปจำพรรษาที่ภาคอื่นเลย เพราะอากาศทางภาคเหนือสัปปายะสำหรับท่าน หลวงปู่แหวนได้มรณภาพลงที่วัดดอยแม่ปั๋งแห่งนี้ เมื่อวันที่ 2 ก.ค.2528 สิริอายุ 98 ปี
พลศรีทอง พระเครื่อง โดย บู เชียงราย
. https://ponsrithong.com/
web (main) พระเครื่อง : บู เชียงราย ร้านพลศรีทอง พระเครื่อง
Web ( มุมพระ) : มุมพระ
https://www.mumpra.com/shop.php?shopid=507
web (99wat) : 99วัด
http://www.ponsrithong.99wat.com/
Facebook เพจพลศรีทอง พระเครื่อง บู เชียงราย
: https://www.facebook.com/ponsrithong/
IG :https://www.instagram.com/bu_chiangrai.amulet/
ราคาปัจจุบัน
3000
จำนวนผู้เข้าชม
1344 ครั้ง
สถานะ
มาใหม่
โดย
ponsrithong
ชื่อร้าน
พลศรีทองพระเครื่อง( บู เชียงราย )
URL
http://www.ponsrithong.99wat.com
เบอร์โทรศัพท์
0877124640
ID LINE
busoftware52
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารไทยพาณิชย์ / 282-2-248xx-x
กำลังโหลดข้อมูล
หน้าแรกลงพระฟรี